มะเฟือง ... กับ อีกา
ในสวนปลูกมะเฟืองลงไปหลายหน แต่ว่าไม่เคยรอดให้กินลูกเลยซักครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ว่าเห็นบ้านอื่นเวลามีผลมะเฟืองติดเต็มต้นแล้วก็อยากได้บ้าง แม้ว่าคนจะไม่นิยมกิน แต่เราเป็นคนที่แพ้อะไรสีเหลืองๆ ทองๆ เห็นแล้วอยากจะมีเอาไว้
มะเฟืองต้นนี่ปลูกมาสามสี่ปีแล้ว พร้อมกับตอนที่สร้างศาลาเอาไว้ริมสระ ต้นนี้ดูจะมีความหวังที่สุดที่จะได้กินลูก เพราะต้นมันสูงขึ้นมาเท่าเจ้าของแล้ว เคยออกดอกให้เห็นแต่ว่าไม่ติดลูก ต้นมะเฟืองที่เคยปลูกแล้วตายนั้นส่วนใหญ่จะไม่ค่อยโตจากตอนที่ซื้อเท่าไหร่ แต่ว่าสองปีนี้ฝนท่าตกดี มีฝนตกเรื่อยๆ ไม่ตกหนักจนท่วมเหมือนอดีต ก็ทำให้ต้นไม้ในสวนงามถ้วนหน้า
มะเฟือง (Star fruit) มีชาวโปตุเกสและสเปนเรียกว่า คารัมโบร่า (Carambola) ซึ่งสันนิษฐานว่าคำว่า คารัมโบร่า มาจากการที่ชาวโปตุเกสรับมาจากคำในภาษาสันสฤต कर्मार (Karmaranga)
ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ Avarrhoa carambola นั้นตั้งโดย คาร์ล ลินเนียส (Charles Linnaeus) บิดาแห่งวิชาอนุกรมวิธาน ในหนังสือ Species Plantarum ตีพิมพ์ในปี 1753 คำว่า Avarrhoa ตั้งขึ้นเพื่อยกย่อง อแวร์โรเอส (Averroes) นักปราชญ์มุสลิมชาวอลันดาลุส (Al-Andalus อยู่ในสเปนปัจจุบัน)
ในเวียดนามมีนิทานพื้นบ้าน เล่าเกี่ยวกับมะเฟืองเอาไว้ว่า
… กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เศรษฐีคนนี้มีลูกชายสองคน เมื่อเศรษฐีคนนี้เสียชีวิตลงก็ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติเอาไว้มหาศาล แต่ลูกชายของเศรษฐี คนพี่นั้นมีนิสัยโลภและเห็นแก่ตัว เขาได้ยึดเอาสมบัติทั้งหมดไว้กับตัวเอง ส่วนน้องชายได้ส่วนแบ่งเพียงต้นกระท่อมหลังเก่าๆ กับต้นมะเฟืองต้นหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ชายผู้น้องก็ถนุถนอมและดูแลต้นมะเฟืองเป็นอย่างดี โดยหวังว่าเมื่อมะเฟืองออกลูกแล้วเขาจะได้นำมันไปขายและสร้างรายได้มาเลี้ยงครอบครัว
จนกระทั้งเมื่อมะเฟืองเติบโตขึ้นมาและออกผลเต็มต้น ส่งกลิ่นหอมอบอวน
แต่ในเช้าวันหนึ่ง มีอีกาตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินเขามาเกาะที่ต้นมะเฟืองและจิกกินลูกมะเฟืองอย่างเอร็ดอร่อย จนหมดต้น
เมื่อภรรยาของน้องชายเดินมาเห็นเขา เธอก็เสียใจและกร่นด่าโชคชะตาที่แสนอาภัพของตนเองและครอบครัว แม้กระทั้งมะเฟืองต้นเดียวที่เป็นความหวังของเธอและสามีก็ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้
แต่อีกาตัวใหญ่นั้นได้ยินคำรำพึงรำพันของภรรยาของน้องชาย มันก็บินเข้ามาหาชายหญิงทั้งคู่ และเอ่ยปากพูดด้วยภาษามนุษย์ว่า “ข้าเป็นคนที่กินมะเฟืองของพวกเจ้าไปจนหมดสิ้น แต่ข้าจะขอตอบแทนพวกท่านด้วยทองคำที่ข้ามี โดยพวกเจ้าจงเตรียมถุงเอาไว้สามใบ เพื่อนำไปใส่ท่องคำ” จากนั้นอีกาก็บินจากไป
สามีภรรยาได้ยินดังนั้นก็ไปช่วยกันทำถุงกระสอบเอาไว้สำหรับใช้จนทองคำขึ้นมาสามใบตามคำบอกของอีกา
หลายวันต่อมา เจ้าอีกายักษ์ก็บินกลับมา และพาชายผู้น้องขึ้นขี่บนหลังของมันจนไปถึงเกาะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกล แต่ว่าบนเกาะแห่งนั้นมีแต่ทองคำและอั้ญมณีล้ำค่า ซึ่งเจ้าอีกาก็บอกให้ชายผู้น้อง ขนเอาทองคำและอัญมณีใส่กระสอบที่เตรียมมา
หลังจากนั้นเจ้าอีกาก็พาชายหนุ่มบินกลับมาพร้อมกระสอบที่ใส่ทองคำ
ชายผู้น้องและภรรยาก็กลายมาเป็นเศรษฐีที่มีฐานะร่ำรวยมาก แต่ว่าทั้งคู่ยังหมั่นทำบุญและช่วยเหลือคนยากจน
ต่อมา ชายผู้พี่ได้มาเยี่ยมน้องชายที่บ้านเมื่อเห็นว่าเขามีฐานะที่เปลี่ยนไปจนร่ำรวย พี่ชายอดสงสัยไม่ได้ว่าน้องชายทำได้อย่างไรถึงกลายเป็นคนมีฐานะ จึงได้เอ่ยปากถาม และน้องชายก็ตอบพี่ชายไปด้วยเรื่องราวจริงๆ ที่เกิดขึ้น
พี่ชายเมื่อได้ฟังดังนั้น เขาก็เสนอสมบัติทั้งหมดของเขาที่มีอยู่ เพื่อแลกกับต้นมะเฟืองของน้องชาย ซึ่งฝ่ายน้องก็ยินดี
ต่อมาเมื่อต้นมะเฟืองของพี่ชายออกผลผลิตออกมา เจ้าอีกายักษ์ก็ยังบินมาจิ๊กกินอยู่เช่นเดิม คราวนี้พี่ชายจึงได้เอ่ยปากกับเจ้าอีกาว่าขอให้นำเขาไปยังเกาะที่มีทองคำและอัญมณีเพื่อตอบแทนเขาที่ให้เจ้าอีกาได้กินลูกมะเฟืองบ้าง
เจ้าอีกาทำตามคำขอของชายผู้พี่ เขาพาชายหนุ่มขี่หลังบินไปยังเกาะที่มีทองคำและอัญมณีล้ำค่าอีกครั้ง แต่ว่าในครั้งนี้ชายผู้พี่ได้นำเอาถุงกระสอบมาถึงหกถุง เป็นสองเท่าของน้องชาย
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องบินกลับ เจ้าอีกาพาชายผู้พี่ขี่ขึ้นหลังของมันพร้อมกระสอบใส่ทองคำและถอัญมณี แต่ว่าเมื่อบินขึ้นบนฟ้า เจ้าอีกาไม่สามารถที่จะแบกน้ำหนักของสัมภาระทั้งหมดเอาไว้ได้ มันปล่อยให้ชายผู้พี่นั้นตกทะเลพร้อมกับทองคำที่เขาขนมา ... 🍃